Storm Coffee Co คือบริษัทกาแฟที่เชี่ยวชาญในการผลิตกาแฟสกัดเย็น (cold brew) ที่ delivery ถึงบ้านคุณ เรามีความศรัทธาในเรื่องของไอเดียแห่งการสร้างนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และความทะเยอทะยาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีค่าแก่การดำรงอยู่ เราดีใจที่ได้เป็นเหมือนเชื้อเพลิงให้ร่างกายและสมองของคุณโลดแล่นตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงยามค่ำคืน Storm Cold Brew “ The power of gods ปลุกพลังแห่งเทพเจ้าในตัวคุณ”กาแฟสกัดเย็นที่มีรสชาติกลมกล่อมและดีต่อสุขภาพ ทำให้วันที่ยาวนานของคุณเต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์
“เรารีบลงมือทันที และเราเรียกมันว่า Southeastern fundraising tour "ทัวร์ระดมทุนฝั่งตะวันออกเฉียงใต้" เราเอาสลัดไก่ใส่ลงไปในถังจนเต็มเพื่อที่จะเอามันไปให้นักลงทุนชิม เราเหวี่ยงแหให้ใครก็ตามที่จะยอมฟัง และทุกๆครั้งที่เราได้พบกับนักลงทุนเราจะได้ยินพวกเขาพูดว่า “ คุณจะให้เราลงทุนด้วยเงินจำนวนมากขนาดนี้เพื่อที่จะได้เป็นหุ้นส่วนของบริษัทคุณในสัดส่วนที่น้อยกว่าแุถมคุณยังไม่มีแฟรนไชส์เปิดเลยสักที่นึง ขอบคุณมากที่ชวนแต่ผมไม่เอาด้วยหรอก ” พร้อมเสียงหัวเราะตามมา
สำหรับคนไทยหลายๆคน "สลัดไก่" เป็นอะไรที่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่สำหรับเสตซี่ บราวน์ จากอเมริกา เธอได้เปลี่ยนสลัดไก่พื้นๆไปสู่ธุรกิจที่สร้างรายได้มูลค่า 75 ล้านดอลลาร์ (฿2,400,000,000)
ในปี 2007 เธอหย่าร้างกับคู่สมรสและเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูก 3 คน เธอมองหาหนทางที่จะหารายได้ส่งเสียลูกๆของเธอ เธอก็เลยเริ่มจากทำสลัดไก่ในครัวของเธอออกขาย โดยใส่ตะกร้าและเคาะประตูขายตามบ้าน
เธอได้เปลี่ยนบ้านของเธอให้กลายเป็นที่เตรียมสลัดไก่ และตอนนี้ทุกคนทั่วอเมริกาก็ได้รู้จักสูตรสลัดไก่ของเธอ วันนี้สลัดไก่ของเธอเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด
เมื่อชีวิตมันไม่ง่าย
เรื่องราวสลัดไก่ของสเตซี่ บราวน์ ผ่านพายุที่โหมกระหน่ำ : หลังจากที่เธอหย่าร้างและมีลูกติด 3 คน เธอใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากหาเช้ากินค่ำ ตั้งแต่พยายามขายสลัดไก่ของเธอโดยเคาะประตูเพื่อนบ้านให้ช่วยซื้อ เธอพอมีเงินเลี้ยงตัวเองและลูกทั้ง 3 ก่อนที่ธุรกิจของเธอจะปิดลงโดยกรมควบคุมดุแลด้านอาหาร ถ้าของไทยก็คือ อ.ย.นั่นแหละครับ หลังจากนั้นเธอก็รวบรวมเงินและเปิดร้านอาหารที่ขายแซนวิชสลัดไก่เพียงอย่างเดียว เธอเกือบจะสูญเสียธุรกิจนั้นไป ต่อด้วยสามีใหม่ของเธอก็จากไปด้วยโรคมะเร็งลำไส้อีก มันไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะครับ
มรสุมของชีวิต
เราไปดูช่วงเวลามรสุมชีวิต (storm)ของเธอ ตอนที่เธอเกือบจะสูญเสียธุรกิจของเธอ ในเวลานั้นเธอมีร้านสลัดไก่ 3 สาขาและก็ยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาหายใจ เสตซี่และสามีของเธอเคลวินเจ้าของร้านอีกคนหนึ่ง ทั้งสองคนทำงานเต็มอัตราจนไม่สามารถขยายธุรกิจได้อีกต่อไปเนื่องจากไม่สามารถดูแลได้ ลูกค้าที่มานั่งกินอาหารที่ร้านถามเธอเกี่ยวกับแฟรนไชส์บ่อยมากๆจนกระทั่งในปี 2010 สเตซี่และเคลวินเริ่มเขียนแผนธุรกิจเกี่ยวกับแฟรนไชส์ แต่ทั้งสองคนก็ยุ่งกับร้านอาหารทั้ง 3 ร้านมากอยู่แล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไปดูแลแฟรนไชส์ได้เลย พวกเค้าเลยมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์ในด้านการทำแฟรนไชส์และพวกเค้าก็พบกับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นพาร์ทเนอร์ที่เหมาะกับงานนี้ พาร์ทเนอร์คู่นี้ต้องการที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ 51% พวกเขาจะลงทุนด้วยเงินสดส่วนหนึ่งบวกกับการที่จะช่วยสร้างโมเดลแฟรนไชส์ให้กับร้านอาหาร เคลวินไม่เห็นด้วยและอยากจะปฏิเสธข้อเสนอนี้แต่เสตซี่กลับยอมรับข้อตกลงนี้ แต่หลังจากนั้นไม่นานพาร์ทเนอร์คนใหม่ก็เปลี่ยนแบรนด์สลัดไก่ไปในทางที่ทำให้แบรนด์เสียชื่อเสียงและทำให้สลัดไก่นั้นหมดอนาคต สเตซี่และเคลวินขอพบกับพาร์ทเนอร์ทั้งสองเพื่อที่จะจบความสัมพันธ์ในการเป็นพาร์ทเนอร์ แต่ว่าทั้งคู่บอกว่า
“โอเคเด็กน้อย เราไม่ใช่พาร์ทเนอร์กันนะ พวกเราเป็นเจ้าของ 51% และเราสามารถไล่คุณออกและบีบพวกคุณให้ออกจากการเป็นเจ้าของธุรกิจถ้าพวกเราต้องการ”
เสตซี่ตัวชาด้วยความโกรธ เสียใจและช็อค คณะกรรมการของบริษัทก็เลยลงมติกันว่าควรให้เสตซี่และ
เควินมีโอกาสที่จะซื้อหุ้นกลับ พวกเขาให้เวลาเรา 30 วันละก็เพิ่มมูลค่าของหุ้นมากขึ้นเป็น 3 เท่าของราคาที่พวกเขาซื้อไปเมื่อ 4 เดือนก่อน ตอนนี้เราต้องซื้อธุรกิจของเรากลับด้วยเงิน 1.3 ล้านบาท สเตซี่และเควินพยายามที่จะหานักลงทุน แต่ทุกคนก็หัวเราะเยาะพวกเขา 2 วันก่อนที่จะถึงกำหนดเวลา เควินและสเตซี่หมดหนทางและเควินก็พูดว่า “ เราต้องเผชิญความจริงแล้วล่ะ เราคงจะต้องสูญเสียธุรกิจไปแน่นอนเราค่อยเริ่มต้นธุรกิจใหม่แล้วกัน” แต่สเตซี่ไม่สามารถยอมรับกับข้อเท็จจริงนี้ได้
วันรุ่งขึ้น หนึ่งวันก่อนกำหนดเวลา พวกเขาไปที่ออฟฟิศและเดินไปด้วยความเครียด ณ เวลานั้นก็มีพนักงานยื่นกระดาษที่มีชื่อคนอยู่ 5 คนให้เสตซี่แล้วก็บอกเธอว่า “ ลองโทรหาคนพวกนี้ดูนะบางทีเค้าอาจจะช่วยคุณได้” เสตซี่ได้โทรหาทั้ง 5 คนตามรายชื่อและขอร้อง เธอขอร้องพวกเขาโดยไม่เหลือความอาย พวกเขาตกลงที่จะพบเธอในวันนั้น เควินพยายามทำให้ 4 ชั่วโมงนี้เป็น 4 ชั่วโมงที่ดีที่สุด เขาพานักลงทุนไปกินที่ Chicken Salad Chick และก็เอาใส่กล่องเพื่อส่งความหวังสุดท้ายของพวกเขาไปด้วย เควินและสเตซี่เข้าไปในรถและก็ขับรถกลับมาที่ออฟฟิซและรู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว พวกเขากำลังจะสูญเสียบริษัทที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
แต่แล้วชายคนหนึ่งที่เค้าได้เข้าพบก็โทรมาและบอกให้ทั้งคู่กลับมา พวกเขากลับไปและก็ได้พบกับชายที่ชื่อ Earlon McWhorter ที่โต๊ะในร้านอาหาร เขาพูดว่า “ ผมเชื่อมั่นในคุณทั้งคู่ ผมว่าธุรกิจของคุณดูดีและผมไม่อยากเห็นมันจบลง ผมจะเขียนเช็คให้คุณไม่ว่าคุณต้องการเท่าไหร่ก็ตาม.”สเตซี่มั่นใจว่า Earlon คิดว่าเธอกำลังจะหัวใจวายตรงนั้นเลยเพราะว่าก่อนหน้านี้เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หน้าเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแล้วก็ช็อคไปเลย เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะหาเงินได้ในวันสุดท้ายจริงๆ
ตอนนี้พวกเค้ากลับมายืนได้อีกครั้ง สเตซี่ เควินและพาร์ทเนอร์ใหม่ของพวกเขาเริ่มจ้างคนและเริ่มเปิดแฟรนไชส์สาขาอื่นๆเพิ่ม
“คุณไม่ต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินหลายล้านดอลล่าร์ คุณแค่ต้องมีแพชชั่นและก็ผลักดันมันแล้วเดินไปข้างหน้า และเมื่อมีอะไรมาทำให้คุณล้ม คุณก็แค่ลุกขึ้นแล้วเดินต่อไป”
Comments